วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559




การแสดงในวันนี้ เป็นการแสดงที่ใช้ผู้ชาย หรือตัวพระเป็นผู้แสดง เป็นการรำที่ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้า ถ้าผู้ที่เรียนนาฏศิลป์และมีโอกาสได้แสดงชุดนี้ จะถือได้ว่าเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจของครูผู้สอนว่ามีฝีมือในการร่ายรำ เพราะรำชุดนี้มีลีลาที่สง่างามผสมผสานกับความอ่อนช้อยในแบบฉบับการรำของบุรุษที่เป็นตัวเอกในละคร
รำพลายชุมพล เป็นการแสดงชุดหนึ่งที่ตัดตอนมาจากการแสดงละครเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพระไวยแตกทัพ โดยผู้รำจะเป็นตัวพลายชุมพล ซึ่งปลอมตัวเป็นมอญเพื่อออกไปสู้รบกับพี่ชาย คือพระไวย เนื่องจากความไม่เข้าใจกัน
   การแต่งกาย แต่งตัวเป็นชาย นุ่งสนับเพลา และผ้าตาหมากรุก ใส่เสื้อแขนยาว เอาชายเสื้อไว้ในชายผ้านุ่ง ใช้ผ้าตาคาดเอวทับ สวมเสื้อกั๊กลงยันต์ทับเสื้อแขนยาว ที่คอจะผูกผ้าประเจียดสีขาว โพกศีรษะแบบมอญด้วยผ้าสีทับทิม ในมือผู้แสดงจะมีหอกเป็นอุปกรณ์ในการแสดง  ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง นิยมใช้ วงปี่พาทย์มอญ เพลงร้องประกอบการแสดง ใช้เพลงมอญดูดาว

                                              เนื้อร้อง  พลายชุมพล

แล้วจัดแจงแต่งกายพลายชุมพล (ซ้ำ)                   ปลอมตนเป็นมอญใหม่ดูคมสัน    
ปลอมตนเป็นมอญใหม่ดูคมสัน                              ใส่เสื้อลงยันต์ย้อมว่านยา
 คอผูกผ้าประเจียดของอาจารย์ (ซ้ำ)                    โอมอ่านเสกผงผัดหน้า
 คาดตะกรุดโทนทองของบิดา (ซ้ำ)                       โพกผ้าสีทับทิมริมขลิบทอง
 ถือหอกสัตตะโลหะชนะชัย (ซ้ำ)                          เหมือนสมิงมอญใหม่ดูไวว่อง
 ขุนแผนขี่สีหมอกออกลำพอง (ซ้ำ)                      ชุมพลขึ้นกระเลียวผยองนำโยธา

ตัวอย่าง



วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

         
ฉุยฉายนางมณี


           ฉุยฉายนางมณีได้ถูกประดิษฐ์ท่ารำแทรกอยู่ในการแสดงละครนอกเรื่องแก้วหน้าม้ากล่าวถึงนางแก้วหน้าม้าได้ถูกท้าวภูวดลและพระปิ่นทองกลั่นแกล้งจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแต่นางโชคดีได้รับการช่วยเหลือจากพระฤาษีที่ช่วยเหลือโดยถอดรูปม้าให้กลายเป็นสาวงามการแสดงชุดนี้จับตอนที่นางมณีรัตนาหรือนางแก้วหน้าม้าแต่งองค์ทรงเครื่อง ชมโฉมตัวเองเพื่อจะไปเข้าเฝ้าพระปิ่นทองครูบุญนาค ทรรทรานนท์เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำ ครูพัฒนี พร้อมสมบัติ ประพันธ์บทฉุยฉาย
 บทร้องฉุยฉายนางมณี
                 -ปี่พาทย์ทำเพลงรัว-
                        ร้องฉุยฉาย
      ฉุยฉายเอย รูปม้ากลับหายกลับหายกลายเป็นนางมณี
      อรชรอ้อนแอ้นงามแม้นกินรี ตามพรพระมุนี ดังเช่นเยาวนิตย์
      ท่วงทาพาไปย่างไว้จริต ผันหน้ากล้าชิด ชอบติดใจเอย
-ร้องแม่ศรี-
       แม่ศรีเอยแม่ศรีพโนมัย นุ่งผ้าผืนใหม่ห่มสไบสีตอง
       แต่งองค์นงลักษณ์ผัดพักตร์ผุดผ่อง เตรียมเฝ้าพระปิ่นทองที่ในบุรีเอย

-เพลงเร็ว/ลา-


ตัวอย่าง














ฉุยฉายเบญกาย




          ฉุยฉายเบญกาย อยู่ในการแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ชุดนางลอย เนื้อเรื่องกล่าวถึง ทศกัณฐ์พญายักษ์แห่งกรุงลงกา ใช้ให้นางเบญกายไปตัดศึก โดยแปลงเป็นนางสีดาและแสร้งว่าตายทำตัวลอยน้ำไปยังพลับพลาพระราม นางเบญจกายขอไปดูตัวจริงของนางสีดา แล้วแปลงตัวให้ละม้ายคล้ายนางสีดา และแสร้งทำจริตกิริยาให้เหมือนนางสีดา เพื่อขึ้นเฝ้าทศกัณฐ์
   ศิลปการรำของฉุยฉาย คือการรำเดี่ยวเพื่ออวดลีลาท่ารำของตัวละคร ที่สามารถแปลงกายและชมโฉมความสวยงามของตัวเองด้วยความพอใจ บทร้องฉุยฉายเบญกายนี้ เป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์  


เนื้อเพลง ฉุญฉายเบญกาย
 
       ฉุยฉายเอย
จะเข้าไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกราย
เยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย
ให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์
ถึงพระรามเห็นทรามวัย
จะฉงนพระทัยให้อะเหลื่ออะหลัก
       งามนักเอย
ใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่
หลับก็จะฝันครั้นตื่นก็จะคิด
อยากเห็นอีกสักนิดหนึ่งให้ชื่นใจ
งามคมดุจคมศรชัย
ถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา
       แม่ศรีเอย
แม่ศรีรากษสี
แม่แปลงอินทรีย์
เป็นแม่ศรีสีดา
ทศพักตร์มลักเห็น
จะตื่นจะเต้นในวิญญาณ์
เหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้า
ระอาเจ้าแม่ศรีเอย ฯ
       อรชรเอย
อรชรอ้อนแอ้น
เอวขาแขนแมน
แม้นเหมือนกินนรี
ระทวยนวยนาด
วิลาสจรลี
ขึ้นปราสาทมณี
เฝ้าพระปิตุลาเอย ฯ



ตัวอย่าง






ขอบคุนที่มาhttps://www.gotoknow.org/posts/136894







วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559



ฉุยฉายพราหมณ์

                        ฉุยฉายพราหมณ์นี้ตัดตอนมาจากบทละครในเรื่องรามเกียรติ์ภาคสวรรค์ ตอนพระคเณศเสียงา กล่าวถึง รามปรศุ เป็นยักษ์ซึ่งปกครองเหล่านักสิทธิ์วิทยาต่างๆ เป็นที่โปรดปรานแห่งพระอิศวร สามารถเข้าเฝ้าได้ทุกที่ทุกเวลา ขณะนั้นพระอิศวร และพระอุมาทรงบรรทมในพระที่ สั่งให้พระคเณศหรือพระคเณศวร ซึ่งเป็นพระโอรสเฝ้าทวารไว้ รามปรศุจะขืนเข้าเฝ้าจึงเกิดการต่อสู้ขึ้น รามปรศุโกรธ เอาขวานเพชรที่ได้ประทานจากพระอิศวรขว้างไปถูกงาของพระคเณศหัก ความทราบถึงพระอุมา จึงได้สาปให้รามปรศุสิ้นฤทธิ์แข็งเป็นท่อนไม้
                 พระอิศวรทรงเมตตาแนะให้ปรศุบูชาถึงพระนารายณ์ เมื่อรามปรศุรำลึกถึง พระนารายณ์ก็ทรงแปลงเป็นพราหมณ์น้อยมาร่ายรำ "ฉุยฉายพราหมณ์" เมื่อพระอุมาทอดพระเนตรก็เห็น ก็โปรดเมตตาให้พร นารายณ์แปลงจึงขอกำลังรามปรศุคืน โดยแบ่งให้พระคเณศครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งคืนให้รามปรศุ บทร้องฉุยฉายพราหมณ์นี้เป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ฉุยฉายพราหมณ์นี้ตัดตอนมาจากบทละครในเรื่องรามเกียรติ์ภาคสวรรค์ ตอนพระคเณศเสียงา กล่าวถึง รามปรศุ เป็นยักษ์ซึ่งปกครองเหล่านักสิทธิ์วิทยาต่างๆ เป็นที่โปรดปรานแห่งพระอิศวร สามารถเข้าเฝ้าได้ทุกที่ทุกเวลา ขณะนั้นพระอิศวร และพระอุมาทรงบรรทมในพระที่ สั่งให้พระคเณศหรือพระคเณศวร ซึ่งเป็นพระโอรสเฝ้าทวารไว้ รามปรศุจะขืนเข้าเฝ้าจึงเกิดการต่อสู้ขึ้น รามปรศุโกรธ เอาขวานเพชรที่ได้ประทานจากพระอิศวรขว้างไปถูกงาของพระคเณศหัก ความทราบถึงพระอุมา จึงได้สาปให้รามปรศุสิ้นฤทธิ์แข็งเป็นท่อนไม้
                 พระอิศวรทรงเมตตาแนะให้ปรศุบูชาถึงพระนารายณ์ เมื่อรามปรศุรำลึกถึง พระนารายณ์ก็ทรงแปลงเป็นพราหมณ์น้อยมาร่ายรำ "ฉุยฉายพราหมณ์" เมื่อพระอุมาทอดพระเนตรก็เห็น ก็โปรดเมตตาให้พร นารายณ์แปลงจึงขอกำลังรามปรศุคืน โดยแบ่งให้พระคเณศครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งคืนให้รามปรศุ บทร้องฉุยฉายพราหมณ์นี้เป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

เนื้อร้องเพลง รำฉุยฉายพราหมณ์

       ฉุยฉายเอย
ช่างงามขำช่างรำโยกย้าย
สะเอวแสนอ่อนอรชรช่วงกาย
วิจิตรยิ่งลายที่คนประดิษฐ์
สองเนตรคมขำแสงดำมันขลับ
ชม้อยเนตรจับช่างสวยสุดพิศ ฯ
       สุดสวยเอย
ยิ่งพิศยิ่งเพลินเชิญให้งงงวย
งามหัตถ์งามกรช่างอ่อนระทวย
ช่างนาดช่างนวยสวยยั่วนัยนา
ทั้งหัตถ์ทั้งกรก็ฟ้อนถูกแบบ
ดูยลแยบสวยยิ่งเทวา ฯ
       น่าชมเอย
น่าชมเจ้าพราหมณ์
ดูทั่วตัวงาม
ไม่ทรามจนนิด
ดูผุดดูผ่อง
เหมือนทองทาติด
ยิ่งเพ่งยิ่งพิศ
ยิ่งคิดชมเอย ฯ
       น่ารักเอย
น่ารักดรุณ
เหมือนแรกจะรุ่น
จะรู้เดียงสา
เจ้ายิ้มเจ้าแย้ม
แก้มเหมือนมาลา
จ่อจิตติดตา
เสียจริงเจ้าเอย ฯ



 ตัวอย่าง





ขอบคุนที่มาhttp://www.thaidances.com/picture&data/3_1.asp

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ฉุยฉายวันทอง



            “รำฉุยฉายวันทอง” เป็นการแสดงที่นำมาจากบทละครพันทาง เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนวันทองห้ามทัพ เรื่องราวมีดังนี้ ขุนแผนแค้นใจที่พระไวยหลงเสน่ห์นางสร้อยฟ้า จึงให้พลายชุมพลลูกชายอันเกิดจากนางแก้วกิริยา ปลอมเป็นมอญยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ขุนแผนจะได้ออกไปรบแล้วแกล้งแพ้ เพื่อให้พลายชุมพลจับได้ พระพันวษาจึงมีรับสั่งให้พระไวยยกกองทัพไปต่อสู้เพื่อเอาตัวขุนแผนคืนมา นางวันทองซึ่งตายไปเป็นเปรตสงสารลูกจะต้องไปตาย จึงแปลงกายเป็นหญิงสาวมาห้ามทัพไว้ และเตือนให้ระวังตัว  การรำจึงเป็นการรำของฝ่ายหญิงในท่วงทีบทเชิญชวน แม้จะเป็นเปรตแต่ก่อนตายนั้น นางพิมพิลาไลยหรือนางวันทองนั้นก็เป็นหญิงสาวงดงาม   โดยมีบทร้องดังนี้

                             ฉุยฉายเอย                              เสร็จจำแลงแปลงกาย
  เยื้องกราย                                              มาในป่า

 โอ้พระไวยสายใจ                                    อีกสักเมื่อใดจึงจะมา

 แลลอดสอดหา                                        เดินไปคอยท่า ทางโน้น
      แม่ศรีเอย                                แม่ศรีสาวหงส์

เยื้องย่างมากลางดง                                      เหมือนหนึ่งหงส์เหมราช
ผิวเจ้างามเมื่อยามพิศ                                   งามจริตเมื่อยามผาด
อ่อนระทวยนวยนาด                                   ลีลาศมาเอย

ตัวอย่าง


ขอบคุณที่มา 

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559


ประวัติการรำเดี่ยว






                การรำเดี่ยว คือ การแสดงรำที่ใช้ผู้แสดงเพียงคนเดียวแสดงถึงความสามารถของผู้รำ
            และแสดงศิลปะของลีลาการร่ายรำตามแบบนาฏศิลป์ตลอดทั้งให้ถึงเห็นความงามของ
                   เครื่องแต่งกาย การรำเดี่ยวมักนิยมใช้เป็นชุดเบิกโรงใช้แสดงสลับฉากหรือใช้แสดงในโอกาสต่างๆ เช่น
 รำฉุยฉายพราหมณ์  รำฉุยฉายเบญกาย  รำฉุยฉายทศกัณฐ์ลงสวน  รำพลายชุมพล 

ตัวอย่าง

*ขอบคุณที่มา http://tpmwebbased.weebly.com/thai-dance.html